MY MENU

นโยบายส่วนบุคคล (PDPA)

ประกาศ บริษัท ที อี คิว จำกัด
ที่ 8 / 2565
นโยบายความเป็นส่วนตัวสำหรับคู่ค้า ลูกค้า
บริษัท ที อี คิว จำกัด เคารพสิทธิความเป็นส่วนตัวของคู่ค้า ลูกค้า (ต่อไปนี้เรียกว่า “ท่าน” ) และเพื่อให้เกิดความเข้าใจและมั่นใจว่าท่านได้รับความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จึงได้จัดทำนโยบายฉบับนี้ขึ้น เป็นส่วนขยายและเป็นส่วนหนึ่งของ “ นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของ บริษัท ที อี คิว จำกัด” เพื่อเพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และแจ้งให้ท่านทราบถึงรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผย (รวมเรียกว่า “ ข้อมูลส่วนบุคคลหรือการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ”) ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ทั้งที่อยู่ในรูปแบบข้อมูลคอมพิวเอตร์ ข้อมูลเอกสาร หรือข้อมูลอื่นใด ตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด ทั้งนี้ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการปรับปรุงนโยบายฉบับนี้ตามระยะเวลา เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติของบริษัท ระเบียบของคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และสอดคล้องกับการให้บริการ การดำเนินธุรกิจ และข้อมูลส่วนบุคคลหรือการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลต่างๆของบริษัท ทั้งนี้ บริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบถึงการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงนโยบายใหม่ในการเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลหรือการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านผ่านช่องทางเว็บไซต์ของบริษัท ที อี คิว จำกัด
คำนิยาม
บริษัทฯ หมายถึง บริษัท ที อี คิว จำกัด โดยให้รวมถึงผู้ซึ่งได้รับมอบอำนาจให้กระทำการแทนบริษัทฯ หรือผู้ได้รับมอบหมายให้ทำงานแทนในนามบริษัทฯ แต่มิได้หมายความรวมถึงกรรมการ / กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการเป็นส่วนตัว
 
คู่ค้า หมายถึง ผู้ขายสินค้า ผู้รับจ้างและ/หรือผู้ให้บริการแก่ บริษัทฯ ทั้งที่เป็นนิติบุคคลและบุคคลธรรมดาซึ่งรวมถึงผู้รับจ้างช่วงของผู้ขายสินค้า ผู้รับจ้าง และ/หรือผู้ให้บริการแก่ บริษัทฯด้วย
 
ลูกค้า หมายถึง บุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคล ที่มีการทำนิติกรรมใด ๆ / ที่มีธุรกรรมใด ๆ กับ บริษัทฯ

ข้อมูลส่วนบุคคล หรือการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ผู้ที่ได้รับมอบหมายอย่างเป็นทางการ หมายถึง ผู้ที่ผู้บริหารสูงสุดมอบหมายให้ดูแลรับผิดชอบและปฏิบัติงาน
 
ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล และผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ผู้จัดการฝ่ายทรัพยกรบุคคล มีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และประกาศข้อบังคับชองบริษัทฯ

วัตถุประสงค์และฐานทางกฎหมายในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ จัดเก็บรวบรวม / ใช้ ข้อมูลส่วนบุคคล และการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ภายใต้แนวทางกฎหมาย ตามวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
 
1.เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการขั้นตอนการเข้าทำนิติกรรมสัญญา การทำคำเสนอ / คำสนอง และเจรจาต่อรองเพื่อเข้าทำนิติกรรมสัญญา และดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการประมูลงานของบริษัทฯ บันทึกยืนยันระบุตัวคู่ค้า หรือลงทะเบียน การคัดเลือกคู่ค้า การเปรียบเทียบราคา การรวบรวมจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล / ใช้ / การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า / คู่ค้า เท่าที่จำเป็นในการทำนิติกรรมสัญญาโดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อประโยชน์ของบริษัทฯ เช่น การบริหารจัดการสัญญา การตรวจสอบยืนยันตัวตนของลูกค้า และการพิจารณาคุณสมบัติลูกค้า เป็นต้น
 
2.เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามสัญญาหรือดำเนินการตามสัญญา การรวบรวมจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล / ใช้ /
ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อการจัดซื้อ จัดจ้าง ตรวจรับ ชำระค่าสินค้าและบริการ ประเมินการทำงานตามข้อตกลง / เงื่อนไข / ข้อกำหนดไว้ในใบสั่งซื้อหรือสัญญาหรือเอกสารอื่นๆ ใด ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของบริษัทฯ

3.เพื่อการติดต่อสื่อสารกับท่าน การรวบรวมจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล / ใช้ / การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ ในการติดต่อสื่อสารเจรจาต่อรอง / การทำนิติกรรมสัญญา / การทำธุรกรรม กับท่าน กรณีเกี่ยวกับการซื้อการขายสินค้าและการให้บริการต่าง ๆ ของบริษัทฯ
การเคารพสิทธิในความเป็นส่วนตัวของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ เคารพสิทธิและให้ความสำคัญถึงสิทธิของข้อมูลส่วนบุคคล การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลและการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และตระหนักดีว่าเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลย่อมมีความประสงค์ที่จะได้รับความมั่นใจ / ความมั่นคงและปลอดภัยจากการใช้บริการ และให้ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลกับบริษัทฯ และ/หรือ กลุ่มบริษัทฯ ที่บริษัทฯได้รับมา เช่น ชื่อ – สกุล อายุ อาชีพ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขบัตรประชาชน ข้อมูลทางการเงิน เป็นต้น ซึ่งสามารถบ่งบอกตัวบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั่นได้ และเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความสมบูรณ์ ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และมีคุณภาพ อาจถูกนำไปใช้ให้สำเร็จเป็นไปตามวัตถุประสงค์การดำเนินงานของบริษัทฯ กับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เท่านั้น โดยจะดำเนินการตามมาตรฐาน / มาตรการที่เข้มงวด เพื่อรักษาความมั่นคงและปลอดภัยสำหรับข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ตลอดจนการ

การจัดเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ มีการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลด้วยความมั่นคงและปลอดภัยจากหลากหลายช่องทาง ซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ อาจจัดเก็บและรวบรวมได้อาจประกอบไปด้วยข้อมูลชนิดต่าง ๆ ดังนี้
1. โทรศัพท์
2. อีเมล
3. Facebook
4. Google
5. LINE
6. Twitter
7. LinkedIn
8. การจัดนิทรรศการแสดงสินค้า
9. การเข้าไปพบด้วยตนเอง
ประเภทข้อมูลส่วนบุคคลที่จัดเก็บรวบรวม
ข้อมูลนามบัตร เช่น ชื่อ - สกุล ตำแหน่งงาน เบอร์โทรศัพท์ อีเมล ไลน์ แอพพลิเคชั่นอื่นๆที่สามารถใช้ในการติดต่อสื่อสาร
 
ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อ - สกุล อายุ อาชีพ วัน / เดือน / ปี / เกิด / เชื้อชาติ / สัญชาติ / เลขประจำตัวประชาชน
 
หนังสือเดินทาง ประวัติการศึกษา ประวัติการทำงานในอดีตจนถึงปัจจุบัน เป็นต้น
 
ข้อมูลการติดต่อ เช่น สถานที่ทำงาน / ภูมิลำเนา / ที่อยู่ปัจจุบัน หมายเลขโทรศัพท์บ้าน / มือถือ / อีเมล เป็นต้น
 
ข้อมูลบัญชี เช่น บัญชีผู้ใช้งาน ประวัติการใช้งาน บัญชีธนาคารเมื่อเข้าทำงานกับบริษัทฯ เป็นต้น
 
หลักฐานแสดงตัวตน เช่น สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาหนังสือเดินทาง
 
สำเนารูปโฟฟายในมือถือปัจจุบัน หรือเปลี่ยนแปลงใหม่ เป็นต้น
 
ข้อมูลการทำ นิติกรรมสัญญา / ธุรกรรม และการเงิน เช่น ประวัติการสั่งซื้อ บัญชีธนาคาร เป็นต้น
 
ข้อมูลทางเทคนิค เช่น IP Address เป็นต้น
 
ข้อมูลส่วนบุคคลอื่นๆ ที่ท่านอาจจะสะดวกให้แก่ บริษัทฯ สำหรับการติดต่อสื่อสาร และให้บริการแก่ท่านหรือ
 
ข้อมูลที่ท่านอาจให้ความยินยอมแก่บริษัทฯ ในการรวบรวมจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล / ใช้ / การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
 
ข้อมูลอื่น ๆ เช่น รูปภาพ ภาพเคลื่อนไหว คลิปเสียง คลิปวีดีโอ
การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯอาจจะจัดเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
 
เพื่อการจัดส่งสินค้าหรือการบริการ
 
เพื่อการปรับปรุงการจัดส่งสินค้าหรือการบริการให้ได้มาตรฐาน
 
เพื่อการบริหารจัดการภายในบริษัทฯ
 
เพื่อการตลาดและการส่งเสริมการขายของบริษัทฯ และพนักงานขาย
 
เพื่อการบริการหลังการขายสินค้าของบริษัทฯ
 
เพื่อรวบรวมข้อเสนอแนะของลูกค้า / คู่ค้า
 
เพื่อชำระค่าสินค้าหรือการให้บริการ
 
เพื่อปฏิบัติตามข้อตกลง / เงื่อนไข (Terms and Conditions) และข้อกำหนด
 
เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบของหน่วยงานราชการที่ทำนิติกรรมสัญญา / ธุรกรรมกับบริษัทฯ
การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
1 บริษัทฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนดและตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ให้แก่บุคคล / นิติบุคคล และหน่วยงานเอกชน / หน่วยงานราชการ เท่าที่ไม่กระทบสิทธิขั้นพื้นฐานของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลดังต่อไปนี้
 
(ก) ภายในบริษัทฯ ทั้งนี้ ให้หมายความรวมถึง ผู้บริหาร กรรมการ พนักงาน ลูกจ้าง และ/หรือบุคลากรภายในของบริษัทฯ ดังกล่าว เท่าที่จำเป็นและเกี่ยวข้อง เพื่อการรวบรวมจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล / ใช้ / การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
 
(ข) คู่ค้าทางธุรกิจ ผู้ให้บริการ และผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล / ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ มอบหมายหรือว่าจ้างให้ทำหน้าที่บริหารจัดการเป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล / ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บริษัทฯ ในการให้บริการต่าง ๆ เช่น การตรวจสุขภาพของบุคลากรในบริษัทฯ / ลูกค้า / คู่ค้าทางธุรกิจของบริษัทฯ การให้บริการ เช่น ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ บริการบันทึกข้อมูล บริการชำระเงิน บริการรับส่งไปรษณีย์ บริการรับส่งพัสดุ บริการจัดพิมพ์ บริการด้านสุขภาพ บริการประกันภัย บริการการฝึกอบรม บริการวิเคราะห์ข้อมูล บริการทำการวิจัย การทำการตลาด หรือบริการอื่นใดที่อาจเป็นประโยชน์ต่อบริษัทฯ และท่าน หรือบุคคล / นิติบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ อาทิ ธนาคารพาณิชย์ โรงพยาบาล บริษัทประกันชีวิต บริษัทประกันวินาศภัย เป็นต้น
 
(ค) หน่วยงานราชการ หรือหน่วยงานเอกชนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งบริษัทฯ มีหน้าที่ตามกฎหมายหรืออยู่ภายใต้บังคับคำพิพากษา หรือคำสั่งของหน่วยงานราชการ หรือหน่วยงานเอกชน ต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่หน่วยงานดังกล่าว โดยบริษัทฯ อาจเปิดเผยและส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลเฉพาะเพียงเท่าที่จำเป็นตามหน้าที่ของบริษัทฯ เท่านั้น
สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
ภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิในการดำเนินการดังต่อไปนี้
 
1. เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอถอนความยินยอม หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ให้ความยินยอมไว้ บริษัทฯจะเก็บรวบรวม ใช้ หรืออาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลให้ไว้ก่อนวันที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใช้บังคับหรือหลังจากนั้น เท่าที่จำเป็นและไม่กระทบสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมที่ให้ไว้กับบริษัทฯเสียเมื่อใดก็ได้
 
2. เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล: เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทฯ และเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลอาจขอให้บริษัทฯจัดทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลให้ก็ได้ รวมถึงเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลอาจ
ขอให้บริษัทฯ เปิดเผยข้อมูลว่าบริษัทฯ ได้ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมาอย่างไร กรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่ขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ให้บริษัทฯ บันทึกไว้ว่า เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่ประสงค์รับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
 
3. สิทธิขอถ่ายโอนข้อมูล: เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีที่บริษัทฯ ได้จัดทำข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบที่ให้สามารถอ่าน เข้าใจ หรือใช้งานได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ในที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัทฯ ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลและผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลอื่น เท่าที่จำเป็นและไม่กระทบสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ และเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลและผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่บริษัทฯ ไม่สามารถดำเนินการดังกล่าวได้ เพราะเหตุเครื่องมือหรืออุปกรณ์ในการจัดส่งทางเทคนิค
 
4. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลขอคัดค้านข้อมูลส่วนบุคคล: เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไปจากบริษัทฯ ในเวลาใดก็ได้ หากการเก็บรวบรวม ใช้หรืออาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่ทำขึ้นเพื่อการดำเนินงานที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ หรือบุคคล หรือนิติบุคคลอื่น โดยไม่เกินขอบเขตที่บริษัทฯ สามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล หรือเพื่อดำเนินการตามภารกิจต่อสาธารณประโยชน์
 
5. สิทธิเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลขอให้ลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล: เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่สามารถระบุตัวของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้
    หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลถูกจัดเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเห็นว่า บริษัทฯ หมดความจำเป็นในการจัดเก็บรวบรวมและรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไว้ตามวัตถุประสงค์ของบริษัทฯและเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลแล้ว ให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลแจ้งให้บริษัทฯ ลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเสียจากระบบของบริษัทฯ หรือตามนโยบายของบริษัทฯ โดยถือว่าเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้นยินยอมให้บริษัทฯลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเสียจากระบบของบริษัทฯ แล้วแต่กรณี หรือเมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ใช้สิทธิขอถอนความยินยอมหรือใช้สิทธิขอคัดค้านสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามที่แจ้งบริษัทฯไว้ แล้วแต่กรณี
 
6. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล: เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราวในกรณีที่บริษัทฯ อยู่ระหว่างการตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือขอคัดค้านของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหรือกรณีอื่นใดที่บริษัทฯ หมดความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องได้ ให้ถือว่า เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลยินยอมให้บริษัทฯ ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลแทนก็ได้
 
7. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลขอให้แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล: เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลให้ เป็นปัจจุบัน ทันสมัย และสมบูรณ์ถูกต้อง และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดหลงต่อบุคคลภายในบริษัทฯ หรือบุคคลภายนอกได้
 
8. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมาย: เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเชื่อว่าบริษัทฯ จัดเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล กระทำการ หรือไม่กระทำการเข้าข่ายลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องได้

    เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ย่อมใช้สิทธิในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ โดยติดต่อมาที่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หรือเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ หรือผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลมอบหมายให้ควบคุมดูและข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ตามรายละเอียดท้ายนโยบายนี้

    บริษัทฯ อาจแจ้งผลการดำเนินการร้องเรียนดังกล่าวภายในระยะเวลา 30 วัน นับแต่วันที่บริษัทฯได้รับหรือถือว่าได้รับคำร้องเรียนขอใช้สิทธิดังกล่าวจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ตามแบบฟอร์มหรือวิธีการที่บริษัทฯกำหนด ทั้งนี้

    หากบริษัทฯ ปฏิเสธคำขอร้องเรียนดังกล่าว บริษัทฯ อาจแจ้งเหตุผลของการปฏิเสธ ให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น เป็นหนังสือ หรือ ผ่านช่องทาง อิเล็กทรอนิค อีเมล ไลน์ เฟสบุ๊ก ข้อความ (SMS) เป็นต้น
ระยะเวลาจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ มีความจำเป็นที่อาจรวบรวมจัดเก็บและรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไว้ตามระยะเวลาเท่าที่บริษัทฯจำเป็นและมีสิทธิและหน้าที่ตามนิติกรรมสัญญาที่ต้องดำเนินการต่อลูกค้า หรือคู่ค้า หรือตลอดระยะเวลาที่จำเป็น เพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ของคู่สัญญา และตามนโยบายบริษัทฯ ฉบับนี้ บริษัทฯ อาจ ลบ ทำลายหรือทำให้เป็นข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่สามารถระบุตัวตนของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ เมื่อบริษัทฯ หมดความจำเป็นหรือสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าวได้ โดยที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่จำต้องให้ความยินยอมแก่บริษัทฯ
การรักษาความมั่งคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ จะรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไว้ตามมาตรฐานและหลักการ การรักษาความลับ (confidentiality) ของคู่สัญญา ลูกค้า คู่ค้า เป็นอย่างดีและถูกต้องครบถ้วน (integrity) และสภาพพร้อมใช้งาน (availability) ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการสูญหาย เสียหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
 
นอกจากนี้บริษัทฯ จะจัดให้มีมาตรฐานและมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งครอบคลุมถึงมาตรการป้องกันด้านการบริหารจัดการ (administrative safeguard) มาตรการป้องกันด้านเทคนิค (technical safeguard) และมาตรการป้องกันทางกายภาพ (physical safeguard) ในเรื่องการเข้าถึงหรือควบคุมการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคล (access control) ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
การแจ้งเหตุละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล
ในกรณีที่มีเหตุละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเกิดขึ้น บริษัทฯ จะแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลทราบโดยไม่ชักช้า หรือภายใน 72 ชั่วโมง นับแต่บริษัทฯ ทราบเหตุเท่าที่สามารถกระทำได้ ส่วนในกรณีที่มีการละเมิดมีความเสี่ยงสูงที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯ จะแจ้งการละเมิดให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบพร้อมกับแนวทางการเยียวยาโดยไม่ชักช้าผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น เว็บไซต์ ข้อความ (SMS) อีเมล โทรศัพท์ จดหมาย เป็นต้น

การใช้บังคับนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตกลงและรับทราบว่า นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทฯฉบับนี้มีผลใช้บังคับกับข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคล และนิติบุคคล ที่บริษัทฯ เป็นผู้จัดเก็บรวบรวม ใช้ และเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตกลงให้บริษัทฯ มีสิทธิในการจัดเก็บ รักษา และนำข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ ได้รวบรวมจัดเก็บ รักษา ไว้แล้ว ( ถ้ามี ) ตลอดจนข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ จัดเก็บ รักษาไว้ ในปัจจุบัน และที่จะได้รวบรวมจัดเก็บ รักษาไว้ในอนาคต ไปใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลแก่บุคคลอื่น ภายในขอบเขตตามที่ระบุไว้ในนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทฯ ฉบับนี้

การติดต่อ
บริษัทฯ ได้มีการจัดตั้งผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล และผู้ประมวลข้อมูลส่วนบุคคล หรือเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ที่บริษัทฯ มอบหมาย และมีหน้าที่ในการดูแลข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีการปฏิบัติตามนโยบายฉบับนี้

หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้มีส่วนได้เสียมีข้อสงสัยเกี่ยวกับนโยบายฉบับนี้หรือต้องการส่งคำร้องตามสิทธิใด ๆ เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือผู้มีส่วนได้เสีย สามารถติดต่อได้ที่ พนักงานทรัพยากรบุคคล เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (DPO) อีเมล info@teq.co.th หรือโทร +66 2910-9595 (เวลาทำการ จันทร์ - ศุกร์ เวลา 8.30 - 17.00น.)

การทบทวนนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ อาจปรับปรุงนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ให้สอดคล้องกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และการเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานของบริษัทฯ เพื่อตอบสนองต่อข้อเสนอแนะ ความคิดเห็นจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หากมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ บริษัทฯ จะประกาศแจ้งการเปลี่ยนแปลงให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องทราบอย่างชัดเจนก่อนจะเริ่มดำเนินการบังคับใช้นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับแก้ไขใหม่ผ่านช่องทาง บริษัท ที อี คิว จำกัด (teq.co.th)

ประกาศ ณ วันที่ 28 กันยายน 2565

นายสาริษฐ์ บูรณะพันธุ์
กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทน
บริษัท ที อี คิว จำกัด
เพื่อให้ บริษัท ที อี คิว จำกัด (“บริษัท”) สามารถพิจารณาข้อมูลใบสมัครงานของท่านได้ กรุณาศึกษานโยบายข้อมูลส่วนบุคคล ฉบับนี้อย่างละเอียดก่อนที่ท่านจะให้ข้อมูลการสมัครแก่บริษัท ทั้งนี้ บริษัทรับประกันจะรักษาข้อมูลทั้งหมดตามมาตรฐาน ความมั่นคงปลอดภัยโดยสอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการประมวลผล
ในระหว่างกระบวนการรับสมัครงานของบริษัท บริษัทอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านผู้สมัครงานจาก (1) ท่าน โดยตรงตามข้อมูลในใบสมัครงาน ประวัติย่อ (Resume) การสนทนาหรือการสัมภาษณ์ หรือ (2) อาจได้รับข้อมูลการ สมัครงานหรือประวัติการทํางานของท่านจากผู้ให้บริการ จัดหางานหรือผู้แนะนําอื่น ๆ ที่ท่านอาจให้สิทธิหรือให้ความ ยินยอมแก่บุคคลดังกล่าวในการเปิดเผยส่งต่อข้อมูลของท่านให้แก่บริษัทเพื่อการรับสมัครงาน (3) บุคคลอื่นที่ท่านระบุให้ บริษัทสามารถติดต่อเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้
ในระหว่างขั้นตอนการกรอกใบสมัครและสัมภาษณ์งาน บริษัทมีความจําเป็นในการเก็บรวบรวม ใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ดังนี้ ข้อมูลทั่ว ไปเกี่ยวกับตัวท่าน ได้แก่ ชื่อนามสกุล เลขบัตรประจําตัวประชาชน ข้อมูลการติดต่อ ข้อมูลคุณสมบัติการศึกษา ประวัติการทํางาน ผลการทดสอบคะแนนสอบข้อมูลความสนใจหรือทักษะของท่าน พร้อมทั้งเอกสารแสดงตนอื่นของท่าน และในบางกรณีตําแหน่งงาน อาจรวมถึงข้อมูลประวัติสุขภาพ
เมื่อท่านผ่านขั้นตอนการคัดเลือกด้วยการสัมภาษณ์จากทางบริษัทแล้ว บริษัทมีความจําเป็นต้องเก็บข้อมูลส่วนบุคคล อ่อนไหวเพิ่มเติมของท่านในบางตําแหน่งและในกรณีที่ท่านให้ความยินยอม ได้แก่ ข้อมูลประวัติอาชญากรรม และข้อมูล การตรวจสุขภาพ ซึ่งสำหรับตําแหน่งงานดังกล่าวข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดนั้นถือว่ามีความจําเป็นสําหรับบริษัทในการ พิจารณาคุณสมบัติและความเหมาะสมของท่านในตําแหน่งงานที่ท่านสมัคร
วัตถุประสงค์การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทมีความจําเป็นต้องเก็บ รวบรวม และใช้ข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์ ดังนี้ (1) การตรวจสอบ ยืนยันตัวตน รวมถึงความถูกต้องของข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลต่าง ๆ ที่ท่านให้แก่บริษัท (2) การประเมินความเหมาะสม ของท่านในตําแหน่งงานที่สมัคร และ (3) การติดต่อประสานงานกับท่านระหว่างกระบวนการรับสมัครงาน รวมถึง (4) การ ติดต่อไปหาท่านเพิ่มเติมในอนาคต ในกรณีมีตําแหน่งอื่นที่อาจเหมาะสมกับท่าน ทั้งนี้ เว้นแต่ท่านแสดงเจตนาใช้สิทธิให้ บริษัทลบ หรือทําลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในทันที บริษัทสงวนสิทธิ์ในการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดของท่านไว้ เพิ่มเติมเป็นระยะ 2 ปีปฏิทินแม้ท่านจะไม่ได้รับการคัดเลือกเป็นพนักงาน
การเปิดเผยหรือส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
โดยหลักการ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านผู้สมัครงานจะไม่ได้รับการเปิดเผย เว้นแต่เป็นกรณีจําเป็นซึ่งบริษัทอาจต้องเปิดเผย และ/หรือส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่ บุคคลภายนอกดังนี้ เพื่อการดําเนินกระบวนการรับสมัครงานได้อย่าง สมบูรณ์ (1) ผู้ให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการกระบวนการรับสมัครงานของบริษัท (2) บริษัทในเครืออื่นที่อาจมีตําแหน่งงาน ที่เหมาะสมและท่านอาจให้ความสนใจ (3) บุคคลอ้างอิงที่บริษัทมีความจําเป็นต้องส่งข้อมูลของท่านไปเพื่อการตรวจสอบ ประวัติการทํางานเดิม และ (4) บุคคลภายนอกอื่นที่ท่านได้ให้ความยินยอมแก่บริษัทในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของ ท่านให้แก่บุคคลดังกล่าว
สิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูล
บริษัทเคารพสิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งท่านสามารถติดต่อบริษัทเพื่อขอใช้สิทธิของ ท่าน ซึ่งได้แก่ สิทธิเพิกถอนความยินยอม สิทธิขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคล สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง สิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีที่บริษัททําให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือ ใช้งานโดยทั่วไปด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทํางานได้โดยอัตโนมัติ รวมถึงสิทธิขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลรูปแบบดังกล่าว ไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น สิทธิคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล สิทธิขอให้ลบหรือทําลาย หรือทําให้ ข้อมูแส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้เมื่อข้อมูลนั้นหมดความจําเป็น สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ ข้อมูลส่วนบุคคลได้ หรือสิทธิในการร้องเรียนกรณีเกิดการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล ท่านสามารถติดต่อบริษัทได้ที่อีเมล info@teq.co.th หรือโทร +66 2910-9595 (เวลาทำการ จันทร์ - ศุกร์ เวลา 8.30 - 17.00น.)
คณะกรรมการของ บริษัท ที อี คิว จำกัด (“บริษัท”) ในฐานะนายจ้างที่รับผิดชอบบริหารจัดการการคุ้มครอง แรงงานและสวัสดิการให้แก่พนักงานของบริษัทมีจุดประสงค์ ออกประกาศบริษัทเรื่อง นโยบายข้อมูลส่วนบุคคลของ พนักงานฉบับนี้เพื่อให้พนักงานทั้งหมดจึงรับทราบเกี่ยวกับสิทธิ และเงื่อนไขต่าง ๆ อันเกี่ยวเนื่องกับการเก็บ รวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานที่บริษัทดําเนินการดังมีรายละเอียดต่อไปนี้
ภายใต้ประกาศฉบับนี้ พนักงาน หมายความรวมถึง กรรมการ ผู้บริหาร พนักงาน บุคลากรภายในอื่น และลูกจ้างที่อยู่ภายใต้ สัญญาจ้างแรงงานทั้งที่เป็นพนักงานประจํา และนักศึกษาฝึกงาน (“พนักงาน”) ของบริษัทโดยตรง
ข้อ 1 ชื่อประกาศและผลบังคับใช้
1.1 ประกาศฉบับนี้เรียกว่า “ประกาศบริษัท เรื่อง นโยบายข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน” และให้มีผลบังคับใช้นับแต่วันที่ บริษัทประกาศเป็นต้นไป ทั้งนี้ ให้ประกาศฉบับนี้มีผลบังคับกับพนักงานทั้งหมดของบริษัททั้งหมด
1.2 บริษัทอาจปรับปรุงประกาศฉบับนี้ ตามแต่ละระยะเวลาเพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติและกฎหมายที่เกี่ยวข้องรวมถึงการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการจ้างงาน หรือการให้การคุ้มครองแรงงานหรือสวัสดิการแก่พนักงาน ทั้งนี้ บริษัทจะแจ้งให้พนักงาน ทราบถึงการเปลี่ยนแปลง โดยประกาศนั้นจะถือว่ามีผลบังคับใช้ทันทีเมื่อประกาศ
ข้อ 2 นิยามข้อมูลส่วนบุคคล
“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลที่ทําให้สามารถระบุตัวตนของพนักงานแต่ละบุคคลได้ ไม่ว่าจะเป็นส่วนของ ข้อมูลที่บริษัท (ก) ได้รับโดยตรงจากพนักงานเอง (ข) ได้รับจากผู้ให้บริการคุ้มครองและจัดสวัสดิการคุ้มครอง แรงงานภายนอกที่บริษัทว่าจ้างให้การคุ้มครองแรงงานแก่พนักงาน หรือ (ค) ได้รับจากการรวบรวมการประเมินผล และจัดทําข้อมูลดังกล่าวขึ้นเพิ่มเติมโดยบริษัทเอง ในฐานะนายจ้างระหว่างการว่าจ้างงานภายใต้ เงื่อนไขและข้อกําหนดที่บริษัทกําหนด
ข้อ 3 ข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานที่บริษัทมีความจําเป็นในการประมวลผล ได้แก่
3.1 ข้อมูลที่บ่งชี้ตัวตนพนักงานโดยตรง อาทิ ชื่อนามสกุล เลขที่และสําเนาบัตรประจําตัวประชาชน อายุ สัญชาติ วันเกิด รวมถึง ประวัติแสดงคุณสมบัติอื่นที่เกี่ยวข้องกับพนักงานซึ่งได้ให้แก่บริษัทตามแบบฟอร์มการรับสมัครงานและสัญญาจ้างแรงงาน
3.2 ข้อมูลการติดต่อของพนักงาน อาทิ ที่อยู่ตามบัตรประชาชน ที่อยู่ปัจจุบัน เบอร์โทรศัพท์ อีเมล หรือช่องทางสื่อสารอื่น ๆ
3.3 ข้อมูลการชําระเงินที่บริษัทดําเนินการให้แก่พนักงาน อาทิเช่น บัญชีธนาคาร ประวัติการเบิกจ่ายเงินต่าง ๆ รวมถึงเงินเดือน เลขที่ประกันสังคม รายละเอียดประกันสวัสดิการต่าง ๆ รวมถึงรายละเอียดกองทุนสํารองเลี้ยงชีพ หรือกองทุนอื่น ๆ และรายละเอียดการใช้สิทธิสวัสดิการต่าง ๆ ของพนักงานดังกล่าว
3.4 ข้อมูลประวัติการทํางานและการฝึกอบรมต่าง ๆ ของพนักงาน เช่น ประวัติการเข้าทํางาน ประวัติการลา ซึ่งได้รับการบันทึกโดยระบบบันทึกการทํางานในรูปแบบต่าง ๆ และจากแบบประเมินความสามารถและการวัดผลของบริษัท
3.5 ในกรณีได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากพนักงาน อาจรวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลออนไหวอื่น ๆ เช่น ข้อมูลชีวภาพ ได้แก่ ลายนิ้วมือ ภาพถ่ายจําลองใบหน้า ข้อมูลสุขภาพ (ซึ่งรวมถึงข้อมูลการตรวจสุขภาพประจําปี ใบรับรองแพทย์ หรือรายละเอียดการเบิกค่ารักษาพยาบาล การรับการรักษาและวัคซีน โรคประจําตัวต่างๆ) เป็นต้น
3.6 ข้อมูลภาพถ่ายทั้งที่เป็นภาพนิ่ง Screenshot และภาพเคลื่อนไหวของพนักงานที่เข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ที่บริษัทจัด ขึ้นทั้งที่เป็นกิจกรรมส่งเสริมความสัมพันธ์ภายในองค์กร และกิจกรรมการติดต่อสื่อสารกับบุคคลภายนอก
3.7 ข้อมูลชื่อนามสกุล ลายเซ็น และรายการดําเนินการอื่น ๆ ที่บริษัทอาจจัดทํา รวบรวม ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการลงนามและการจัดทําเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดําเนินธุรกิจในทางการที่จ้างของบริษัท
3.9 ผลการประเมิน Personality หรือการประเมินความชํานาญส่วนบุคคล ต่าง ๆ ของพนักงานแต่ละท่านที่อาจจะถูกนํามาใช้หรือวิเคราะห์เพื่อใช้ในการพัฒนาต่อไป
3.10 ข้อมูลภาพถ่ายใบหน้าของพนักงานที่บันทึกผ่านระบบ CCTV ในระหว่างที่ท่านเข้ามาภายในพื้นที่ของบริษัท เพื่อประโยชน์ในการรักษาความปลอดภัยของสถานที่ และของท่านในฐานะผู้เข้ามาใช้อาคารรวมถึงความปลอดภัยของบุคคล อื่น ๆ
ข้อ 4 ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องกับพนักงานที่บริษัทมีความจําเป็นในการประมวลผล
4.1 บริษัทจัดสวัสดิการให้แก่สมาชิกในครอบครัวหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องของพนักงานทั้งในลักษณะของสวัสดิการที่ให้แก่ ครอบครัวโดยตรง และการให้ประโยชน์ในฐานะผู้รับผลประโยชน์จากพนักงาน เพื่อการดําเนินการให้สวัสดิการดังกล่าว บริษัทอาจจําเป็นต้องเก็บ รวบรวม และใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิกครอบครัวหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องของพนักงาน ดังกล่าว ซึ่งได้แก่แต่ไม่จํากัดเพียง ข้อมูลชื่อนามสกุล ข้อมูan เรติดต่อ และเอกสารแสดงดนของบุคคลดังกล่าว รวมถึงกรณี ได้รับความยินยอมและจําเป็นสําหรับการให้สวัสดิการที่เกี่ยวข้อง อาจรวมถึงข้อมูลสุขภาพของบุคคลนั้น
4.2 ในกรณีที่พนักงานเป็นผู้ให้ข้อมูลของบุคคลดังกล่าว บริษัทจะถือว่า พนักงานให้การรับประกันว่า พนักงานมีสิทธิอันชอบ ด้วยกฎหมายในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลดังกล่าว และได้แจ้งความจําเป็นในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล และขอความยินยอมจากสมาชิกดังกล่าวครบถ้วนและถูกต้องแล้ว
ข้อ 5 วัตถุประสงค์การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
ภายใต้กรอบ (1) การปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายเพื่อการคุ้มครองแรงงานและอื่น ๆ (2) การปฏิบัติหน้าที่ของ นายจ้างภายใต้สัญญาจ้างแรงงาน รวมถึง (3) การคุ้มครองและปกป้องสิทธิประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของ บริษัท บริษัทมีวัตถุประสงค์หลักในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานที่ระบุไว้ดังนี้
5.1 เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ของบริษัทภายใต้กฎหมาย รวมทั้งกฏ แนวปฏิบัติ หรือคําสั่ง คําแนะนํา หนังสือบอกกล่าว ซึ่งออกโดย หน่วยงานที่มีอํานาจกํากับดูแล บริษัทจําเป็นต้องประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน เพื่อจุดประสงค์เฉพาะ ได้แก่ การอํานวยความสะดวก และ/หรือควบคุมดูแลการคํานวณชําระภาษีอากร และการหักภาษี ณ ที่จ่าย การจัดทําทะเบียนพนักงาน การประกันสังคม การจัดให้มีกองทุนสํารองเลี้ยงชีพ การฝึกอบรมและพัฒนาฝีมือแรงงาน การคุ้มครองและดูแลอาชีวอนามัยแรงงาน และอาจรวมถึงการตรวจคนเข้าเมืองและหรือการได้รับอนุญาตให้ทํางาน/ใบอนุญาตทํางาน (กรณี พนักงานต่างประเทศ) ตามที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกําหนดไว้
5.2 เพื่อการปฏิบัติสิทธิและหน้าที่ของบริษัทในฐานะนายจ้างภายใต้สัญญาจ้างแรงงาน ซึ่งอาจรวมถึง การควบคุมดูแล บริหาร จัดการความสัมพันธ์การจ้างงานระหว่างพนักงานกับบริษัท ซึ่งยาพรวมถึงแต่ไม่จํากัดเพียงการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อวัตถุประสงค์ดังนี้ บริษัทมีความจําเป็นต้องประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดของพนักงาน
          1. การบริหารจัดการดูแลการจ่ายเงินเดือน การประเมินผลการปฏิบัติงาน การตรวจสอบดูแล และ/หรือการจัดการเกี่ยวกับผลการปฏิบัติงานของพนักงาน การตั้งเป้า -
             หมายการปฏิบัติงาน การจัดการและ/หรือการบันทึกความสําเร็จ หรือความก้าวหน้าของพนักงาน
          2. การพิจารณาความเหมาะสมในการเลื่อนตําแหน่งของพนักงาน การให้รางวัลหรือผลประโยชน์อื่นใดที่บริษัทอาจจัดให้รวมถึงการพิจารณาออกแบบโปรแกรมการฝึกอบรม
             (ไม่ว่าจัดขึ้นโดยบริษัทหรือบุคคลอื่น) หรือใช้ในการบังคับมาตรการลงโทษต่อพนักงานที่อาจปฏิบัติไม่สอดคล้อง หรือละเมิดหน้าที่การจ้างงานที่กําหนดไว้ในสัญญาจ้าง
             แรงงาน หรือประกาศแรงงานอื่น ๆ ซึ่งถือเป็นการใช้สิทธิของบริษัทในฐานะนายจ้างภายใต้สัญญาจ้างแรงงาน
          3. การจัดการและหรือการบริหารสิทธิประโยชน์และสวัสดิการในการจ้างงาน การจัดการเกี่ยวกับการตรวจสอบสิทธิและการยืนยันตัวตนเพื่อให้สวัสดิการภายใต้สัญญาจ้าง
             แรงงานแก่พนักงานในส่วนต่าง ๆ เช่น สิทธิประกันภัยและ/หรือข้อเรียกค่าสินไหม การจัดการเกี่ยวกับการตรวจสุขภาพ (ไม่ว่าสําหรับตัวพนักงานเองหรือสมาชิก
             ในครอบครัวหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องของพนักงานตามเงื่อนไขที่บริษัทจัดหาไว้ให้)
          4. การติดต่อสื่อสารประสานงานกับพนักงานเพื่อวัตถุประสงค์ในการควบคุมดูแลและ/หรือการบริหารจัดการความสัมพันธ์การจ้างงานระหว่างพนักงานกับบริษัท
             หรือการติดต่อในกรณีฉุกเฉิน
5.3 เพื่อการบริหารจัดการความเสี่ยงภายในองค์กร การใช้สิทธิอันชอบด้วยกฎหมายของบริษัทรวมถึงการปกป้องที่บริษัทอาจจัดให้แก่พนักงานซึ่งอาจรวมถึงแต่ไม่จํากัดเพียงการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน เพื่อวัตถุประสงค์ ดังนี้
           1. การทํากิจกรรมการวิจัย วิเคราะห์ และพัฒนา (รวมถึงแต่ไม่จํากัดเฉพาะการสํารวจทําแบบสอบถามและ/หรือการรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์) เพื่อพัฒนาโครงสร้าง
             พื้นฐานสวัสดิการ สิทธิประโยชน์ และสิ่งอํานวยความ สะดวกต่างๆ รวมถึงการวิจัยเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการของบริษัทรวมถึงเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์
             การจ้างงานระหว่างพนักงานกับบริษัทหรือเพื่อสิทธิประโยชน์อื่นของพนักงาน
           2. การจัดการกระบวนการทางกฎหมาย การดําเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิตามกฎหมาย และการเยียวยาความเสียหายการต่อสู้คดีหรือข้อเรียกร้องทางศาล
              และการบริหารจัดการข้อร้องเรียนหรือข้อเรียกร้องใดๆ
           3. การเก็บบันทึกและจัดทําสถิติ การวิจัยภายใน และ/หรือการรายงานตามกฎหมาย และ/หรือการเก็บบันทึกข้อมูลตามข้อกําหนดต่าง ๆ เพื่อวัตถุประสงค์ในการรายงาน
              ของบริษัทและ/หรือบริษัทในบริษัท
           4. การจัดทําสื่อประชาสัมพันธ์ขององค์กร โดยอาจมีการเปิดเผยและนําเสนอข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน ซึ่งอาจรวมถึงแต่ไม่จํากัดเพียงภาพถ่าย หรือข้อมูลความ
              เชี่ยวชาญคุณสมบัติของพนักงาน โดยข้อมูลสื่อประชาสัมพันธ์ ดังกล่าวนั้นจะถูกนํามาใช้เปิดเผยประมวลผล และเผยแพร่ในจดหมายข่าวหรือสิ่งตีพิมพ์อื่นใดซึ่งทําขึ้น
              หรือออก เผยแพร่ โดยบริษัททั้งในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์และในรูปแบบกระดาษ
           5. การบริหารจัดการบริหารความเสี่ยง การป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์ การควบคุมและกํากับดูแลการทํางานภายในของบริษัทผ่านกระบวนการต่าง ๆ
              รวมถึงการตรวจสอบประวัติการทํางานของพนักงานดังกล่าวในอนาคตที่พนักงานดังกล่าวอาจกลับมาสมัครงานที่บริษัทอีกครั้ง
           6. การเก็บ ควบคุม สํารอง และ/หรือกู้คืนจากความเสียหายของข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน
5.4 กรณีที่พนักงานให้ความยินยอมเป็นการเฉพาะ บริษัทอาจดําเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคถของพนักงานตามวัตถุประสงค์เฉพาะที่พนักงานให้ความยินยอมไว้
ข้อ 6 ระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
6.1 บริษัทมีความจําเป็น ในการจัดเก็บ และรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานตลอดระยะเวลาสัญญาจ้างแรงงานของแต่ละคนตลอดระยะเวลาที่จําเป็นซึ่งบริษัทมีหน้าที่ต้องเก็บรักษาตามกรอบระยะเวลาในกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
6.2 เพื่อประโยชน์ในการปกป้องและต่อสู้การเรียกร้องสิทธิอันชอบด้วยกฎหมายระหว่างบริษัทและพนักงานภายใต้สัญญาจ้าง แรงงานและกฎหมายคุ้มครองแรงงาน โดยรับประกันไม่ให้กระทบสิทธิเจ้าของข้อมูลมากเกินสมควร และบริษัทรับประกันให้สิทธิเจ้าของข้อมูลในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลได้ตามกฎหมาย บริษัทสงวนสิทธิ์ที่จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล ของพนักงานเป็นระยะเวลาที่เหมาะสมตามกําหนดอายุความ 10 ปีหลังจากหมดหน้าที่ภายใต้สัญญาจ้างแรงงานดังกล่าว
6.3 กรณีการใช้ภาพสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ รวมถึง การจัดทําสถิติและรายงานเอกสารต่าง ๆ ที่พนักงานได้ดําเนินการ ในทางการที่จ้างของบริษัท บริษัทสงวนสิทธิ์ในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานไว้ตลอดระยะเวลาที่บริษัทอาจมีความจําเป็นทางด้านธุรกิจในการดําเนินการดังกล่าว
ข้อ 7 การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองแรงงานและการจัดสวัสดิการแรงงานที่กําหนดไว้ในสัญญาจ้างแรงงานและภายได้ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และ/หรีย ภายใด้ประโยชน์ในการบริหาร และการจัดการงานส่วนบุคคล บริษัทอาจมีความ จําเป็นที่จะต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานต่อบุคคลภายนอก เพื่อวัตถุประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่งหรือ หลายอย่างตามที่ได้กําหนดไว้ ซึ่งบุคคลดังกล่าวที่จะได้รับการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้แก่
7.1 ผู้ให้บริการภายนอกของบริษัท ซึ่งเป็นผู้ดําเนินการเกี่ยวกับการให้สวัสดิการต่าง ๆ แก่พนักงานแทนและเพื่อบริษัท ได้แก่แต่ไม่จํากัดเพียง ผู้ให้บริการประกันกลุ่ม ผู้ให้บริการบริหารจัดการด้านทรัพยากรมนุษย์ (HRM) หรือให้บริการพัฒนาบุคลากร (HRD) หรือผู้ให้บริการสนับสนุนด้านอื่น ๆ ผู้ให้บริการจัดทําและประมวลผลค่าแรง ค่าจ้างและจัดหาสวัสดิการ บริษัทประกันภัย บริษัทที่ให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นต้น รวมถึง ที่ปรึกษาหรือผู้ให้บริการของบริษัท ผู้ดําเนินกระบวนการทางกฎหมาย ทั้งนี้ การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจะดําเนินการเฉพาะ ภายใต้ขอบเขตที่จําเป็นภายใต้เอกสารสัญญาการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่จะมีการลงนามระหว่างบริษัทและบุคคลที่ ได้รับการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว
7.2 หน่วยงานของรัฐหรือหน่วยงานกํากับดูแล รวมถึงแต่ไม่จํากัดเพียง กรมสรรพากร สํานักงานประกันสังคม กรมพัฒนาฝีมือ แรงงาน กรมจัดหางาน ศาลและองค์คณะในการระงับข้อพิพาทอื่นใด หรือหน่วยงานราชการอื่นที่บริษัทอาจอยู่ภายใต้บังคับ ของคําสั่ง กฎหมาย หรือคําพิพากษา
7.3 ในกรณีได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากพนักงาน บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บุคคลอื่นตามที่พนักงานระบุ และแจ้งให้บริษัททราบ
ข้อ 8 มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
8.1 บริษัทรับประกันจัดให้มีมาตรการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการเข้าถึงการใช้ การเปลี่ยนแปลง การแก้ไข หรียการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานโดยปราศจากอํานาจหรือโดยมิชอบ ทั้งนี้ บริษัทจะจัดให้มีการทบทวนมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยดังกล่าว อย่างสม่ำเสมอเป็นปกติเพื่อความเหมาะสมตามมาตรฐานและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
8.2 ในกรณีที่พนักงานคนใดมีสิทธิเข้าถึงหรือดําเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลส่วนใด พนักงานดังกล่าวยอมรับและรับทราบหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลดังกล่าวเช่นเดียวกัน โดยรับประกันชดเชยและชดใช้ให้แก่บริษัทกรณีที่เกิดความเสียหายใดแก่บริษัท อันเกิดจากความบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานดังกล่าว
ข้อ 9 สิทธิของพนักงานในฐานะเจ้าของข้อมูล
บริษัทประกาศยืนยันสิทธิ์ตามกฎหมายของพนักงานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานดังกล่าว ซึ่งได้แก่
9.1 สิทธิขอเข้าถึงและขอรับสําเนาข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงสิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นปัจจุบันและถูกต้อง
9.2 สิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีที่บริษัททําให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งาน โดยทั่วไป ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทํางานได้โดยอัตโนมัติ รวมถึงสิทธิขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุม ข้อมูลส่วนบุคคลอื่น
9.3 สิทธิคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
94 สิทธิขอให้ลบหรือทําลาย หรือทําให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ เมื่อข้อมูลนั้นหมดความ จําเป็นหรือเมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลถอนความยินยอม
9.5 สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้ ในกรณีเมื่อเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องลบหรือเมื่อข้อมูลดังกล่าวหมดความจําเป็น
9.6 สิทธิถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลที่พนักงานเคยให้ไว้

บริษัทจะพิจารณา และแจ้งผลการพิจารณาร้องขอใช้สิทธิของพนักงานให้พนังกานทราบ ภายในระยะเวลาที่ เหมาะสมตามที่กฎหมายกําหนด ทั้งนี้ พนักงานสามารถติดต่อบริษัทได้ที่อีเมล info@teq.co.th หรือโทร +66 2910-9595 (เวลาทำการ จันทร์ - ศุกร์ เวลา 8.30 - 17.00น.)
บริษัท ที อี คิว จำกัด (“บริษัท”) ขอแจ้งให้ท่านผู้เข้ามาภายในพื้นที่ของบริษัททราบว่า (1) ทางบริษัทได้ ติดตั้งระบบกล้อง CCTV ไว้ภายในพื้นที่ ทั้งนี้ ด้วยระบบการทํางานของ CCTV กล้องอาจจับภาพใบหน้าของท่านได้ไม่ว่าจะชัดเจนหรือไม่ และ/หรือ (2) บริษัทมีความจําเป็นต้องบันทึกรายละเอียดของผู้เข้าออกภายในพื้นที่ของบริษัทซึ่งอาจรวมถึงการแลกบัตรประชาชนหรือบัตรแสดงตนของผู้เข้าออกกับบัตร Visitor

เพื่อความชัดเจนเกี่ยวกับเงื่อนไขและข้อกําหนดในการเก็บ รวบรวม ใช้และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านผู้เข้ามา ภายในพื้นที่ของบริษัท บริษัทจึงมีจุดประสงค์แจ้งนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลผู้เข้ามาภายในพื้นที่ของบริษัทฉบับนี้ขึ้น ทั้งนี้ บริษัทอาจปรับปรุงและปรับเปลี่ยนนโยบายฉบับนี้ได้ตามแต่ละระยะเวลาให้สอดคล้องกับความจําเป็นในการประมวลผล ข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดของบริษัทและให้สอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยบริษัทจะประกาศให้ท่านทราบผ่านช่อง ทางการติดต่อสื่อสารต่าง ๆ ที่บริษัทมีกับท่าน
ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการประมวลผล
ในระหว่างที่ท่านเข้ามาภายในพื้นที่ของบริษัท บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ได้แก่ (1) ภาพถ่ายใบหน้า ของท่านที่บันทึกผ่านระบบ CCTV (2) ชื่อ นามสกุล ข้อมูลการติดต่อ ข้อมูลรายละเอียดวัตถุประสงค์การเข้ามาภายใน พื้นที่ของบริษัท ซึ่งจะมีการกรอกเข้าในแบบฟอร์มที่บริษัทอาจใช้เพื่อการบันทึกคนเข้าออก หรืออาจเป็นกรณีที่ต้นสังกัด ของท่านได้แจ้งรายชื่อและข้อมูลของท่านให้แก่บริษัทเพื่อแจ้งขออนุญาตเข้าพื้นที่ ซึ่งในกรณีที่บริษัทได้รับข้อมูลจากต้น สังกัดของท่าน บริษัทจะถือว่าต้นสังกัดของท่านนั้นมีสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายในการส่งต่อและเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ของท่านให้แก่บริษัทโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว และ/หรือ (3) บัตรประจําตัวประชาชนหรือเอกสารแสดงตนอื่นของท่าน ซึ่งบริษัทจะเก็บรักษาไว้เพื่อแลกเปลี่ยนกับบัตรผู้เข้าพื้นที่
วัตถุประสงค์การประมวลผล
บริษัทจําเป็นต้องประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ที่เข้ามาในพื้นที่ของบริษัทเพื่อประโยชน์ในการรักษาความปลอดภัย ของสถานที่และของท่านในฐานะผู้เข้ามาภายในสถานที่ รวมถึงความปลอดภัยของบุคคลอื่น ๆ
ระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูล
สําหรับข้อมูลบัตรประจําตัวของท่าน บริษัทจะคืนบัตรให้แก่ท่านทันทีเมื่อท่านแลกคืนบัตรผู้เข้าพื้นที่ให้แก่บริษัท และใน ส่วนของข้อมูลที่บันทึกในระบบ CCTV จะถูกเก็บบันทึกไว้เป็นระยะเวลา 45 วันและแบบฟอร์มผู้เข้าพื้นที่จะได้รับ การเก็บรักษาไว้เพื่อการตรวจสอบเป็นระยะเวลา 3 เดือน เว้นแต่เป็นกรณีที่บริษัทอาจจําเป็นต้องใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อการปกป้องฟ้องร้องสิทธิที่บริษัทอาจมีต่อท่านผู้เข้ามาภายในพื้นที่ ซึ่งบริษัทสงวนสิทธิ์เก็บข้อมูลดังกล่าวไว้เป็นระยะเวลาที่เหมาะสมตามอายุความในกฎหมาย
การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
โดยหลักการ บริษัทจะไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดของท่านที่บริษัทเก็บรวบรวมดังกล่าวให้แก่บุคคลภายนอก เว้น แต่เป็นกรณีจําเป็นเพื่อจุดประสงค์การใช้สิทธิเรียกร้องจากการกระทบสิทธิของบุคคลอื่น การใช้สิทธิต่อสู้ฟ้องร้องของ บริษัทในฐานะเจ้าของสถานที่ หรือเป็นกรณีการปฏิบัติตามคําสั่งของหน่วยงานรัฐหรือหน้าที่ตามกฎหมายอื่น ๆ เท่านั้น ทั้งนี้ บริษัทจะดําเนินการเท่าที่จําเป็นเท่านั้นเพื่อป้องกันไม่ให้กระทบสิทธิของท่านจนเกินสมควร
บริษัทรับประกันการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลที่เก็บไว้ด้วยมาตรฐานที่เหมาะสมตามที่ระบุไว้ภายใต้กฎหมายที่ เกี่ยวข้องและบริษัทให้ความสําคัญรวมถึงเคารพสิทธิในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม เกี่ยวกับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลนี้ หรือต้องการขอใช้สิทธิที่มีเกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้กฎหมายที่ เกี่ยวข้อง อันได้แก่ สิทธิเพิกถอนความยินยอม สิทธิขอเข้าถึงและขอรับสําเนาข้อมูลส่วนบุคคล สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูล ส่วนบุคคลให้ถูกต้อง สิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีที่บริษัททําให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่าน หรือใช้งานโดยทั่วไปด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทํางานได้โดยอัตโนมัติ รวมถึงสิทธิขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลรูปแบบ ดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น สิทธิคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล สิทธิขอให้ลบหรือทําลายหรือทํา ให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ เมื่อข้อมูลนั้นหมดความจําเป็น สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ ข้อมูลส่วนบุคคลได้ หรือสิทธิในการร้องเรียน ท่านสามารถติดต่อบริษัทได้ที่อีเมล info@teq.co.th หรือโทร +66 2910-9595 (เวลาทำการ จันทร์ - ศุกร์ เวลา 8.30 - 17.00น.)

ทั้งนี้ ในกรณีที่บริษัทติดตั้งระบบกล้อง CCTV ซึ่งด้วยระบบดังกล่าวอาจมีกรณีที่ระบบจับภาพใบหน้าของผู้เข้ามา ภายในพื้นที่ ได้ บริษัทควรแจ้งการติดตั้งกล้องและระบบ CCTV ให้บุคคลต่างๆทราบโดยทั่วไป โดยอาจแจ้งการติดตั้ง ระบบ CCTV ดังกล่าวไว้บริเวณทางเข้า เพียงจุดเดียวได้โดยไม่ต้องขอความยินยอมหรือกําหนดให้เจ้าของข้อมูลยอมรับ การใช้กล้องระบบ CCTV ดังกล่าว โดยแนะนําให้แจ้งนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลการใช้กล้อง CCTV (CCTV Privacy Notice) เป็น QR Code Link บนป้ายประกาศดังกล่าว และตัวอย่างการติดประกาศการใช้ระบบ กล้อง CCTV มีดังนี้